Home »
พากย์ไทย
 , 
DVD Modified
 , 
Thai
 » [ไทย]-[ตามคำขอ!!] สี่แผ่นดิน 2534 [ฉัตรชัย เปล่งพานิช+จินตหรา สุขพัฒน์] [ดีวีดี 9 แผ่นจบ]-[DVD5] [From TV]-[พากย์ไทย]
 
[ไทย]-[ตามคำขอ!!] สี่แผ่นดิน 2534 [ฉัตรชัย เปล่งพานิช+จินตหรา สุขพัฒน์] [ดีวีดี 9 แผ่นจบ]-[DVD5] [From TV]-[พากย์ไทย]

สี่แผ่นดิน 2534
ละครโทรทัศน์ พ.ศ. 2534
และครั้งที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงสูงสุดคือเมื่อ พ.ศ. 2534  นำแสดงโดย จินตหรา สุขพัฒน์  นางเอกภาพยนตร์และนางเอกละครอันดับหนึ่งของประเทศไทย และ ฉัตรชัย  เปล่งพานิช ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ทีวีสีช่อง 3
ร่วมด้วย เพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทร  ,   ธิติมา สังขพิทักษ์  ,   ธัญญา โสภณ  ,    อานนท์ สุวรรณเครือ  ,   ตฤณ เศรษฐโชค  ,   สถาพร นาควิลัย  ,   รอน  บรรจงสร้าง  ,   พลรัตน์ รอดรักษา  ,   ตรีรัก รักการดี  ,   พาเมล่า  บาวเด้น  ,   ศานติ สันติเวชชกุล  ,   กษมา นิสสัยพันธ์  ,   สมมาตร  ไพรหิรัญ  ,   สมภพ เบญจาธิกุล  ,   นันทวัน เมฆใหญ่  ,   พงษ์ลดา พิมลพรรณ   ,   พิราวรรณ ประสพศาสตร์  ,   รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง  ,   เฉลา  ประสพศาสตร์  ,   ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา  ,   สุเชาว์ พงษ์วิไล  ,    ณัฐนี สิทธิสมาน  ,   อรอุไร เทียนเงิน  ,   ปริศนา กล่ำพินิจ  ,   มนัส  บุณยเกียรติ  ,   เกศิณี วงษ์ภักดี  ,   อารดา ศรีสร้อยแก้ว  ,   จิระวดี  อิศรางกูร ณ อยุธยา  ,   ด.ญ. ชุมพิชา ชัยสรกานต์  ,   ด.ญ. กัญญาลักษณ์  บำรุงรักษ์  ,   ด.ญ. ปานิศา วิชุพงษ์  ,   ด.ช. กิตติเทพ บุณยเกียรติ  ,    อภิชาติ รัตนถาวร  ,   ด.ช. ธนิสร อำไพรัตนพล  ,   ด.ญ. วรพรรณ  จิตตะเสนีย์  ,   ด.ช. มนตรี เนติลักษณ์  ,   ด.ช. พีรพันธุ์ สุขประยูร
 
แผ่นดินที่ 1
พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย  ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ  แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา  ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด  เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ  19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแก่กว่าพลอย 2 ปี  พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี  และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ  8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ  เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น  พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ  ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว  และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม  พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน  และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น  ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็น เฆี่ยนทุกที  ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูก เรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน  มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ
ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า  แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึงๆกันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน  พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ  จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับ เสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป  คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน  พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่านํ้า  และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ  เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่านํ้า  เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่านํ้า พอเรือแล่นออกไป  พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ  แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้า ประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น  เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา  ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด  แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย  พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่  คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น  แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว  แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง  จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู  พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม  แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า  หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น  ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน"
แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อยๆผ่านที่ต่างๆมากมาย  ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน  ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรง พระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง  และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว  พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ  และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ  คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน  แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ  เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย  ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย  ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ  ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง  ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว  พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ  อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย  และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่างๆให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว  ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่างๆตอนกลางคืน  คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง  นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี  ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหา เพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น  ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ  มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ  ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง  เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก  แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย  นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น  ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย  ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน  ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว  วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย  แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่างๆ ชื่อ ฉิม  และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว  ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ  เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้  ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย  และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน  เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี
เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ  เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที  เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา  และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย  พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 15 ปีเศษแล้ว  นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่า สวยเกินที่คาดไว้  ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย  ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน  ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่าง สมบูรณ์
การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย  พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า  จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย  เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ  พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอ หน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่  จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์  ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อรํ่าลา  พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง  ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย
นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว  ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม  ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์  และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน  คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง  ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี  ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่  เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จกลับจากประพาสยุโรป  การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย  และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม  ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ  หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย  จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม
คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน  ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ  จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า  พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง  พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้  คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม  คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน  จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ  หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม  และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต  แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี  พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย  ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ  เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริงๆ  และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า  พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้  จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ
เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพยอมซึ่ง  เป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น  ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย  และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน  พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง  หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น  ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน  เจ้าคุณพ่อก็ตาย
เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้  จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย  เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว  พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ  เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า  ประพนธ์
พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่าๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง  แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น  พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา
 
แผ่นดินที่ 2
ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ  และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม  เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ  ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1  แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง  “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง
หลังจากนั้นวันหนึ่ง  คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ  พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่น ซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้
สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก  ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร  จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูกๆ  ในช่วงราชการใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง  คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน  และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด  และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน  ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน
จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน  ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด  แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริงๆพร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์
หลังจากนั้นในหลวงก็ทรงประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด
 
แผ่นดินที่ 3
หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน  และความสนใจต่อสิ่งต่างๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง  จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่างๆ ผ่านไปไม่นาน  ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ  หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย  สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า  และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง
ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ  ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น  ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียน รู้ตอนไปเรียนเมืองนอก  ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะ สิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน  ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน  และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ  เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่าง รุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฎ ไม่มีความจงรักภักดี  จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน  ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร์ และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร  และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ
 
แผ่นดินที่ 4
ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน  หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา  ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ  แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก  แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้
จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง  แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว  จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย  เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น
อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน  และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย  และใช้คำว่า “ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า” เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี  “วัฒนธรรม” เพื่อให้ชาติเจริญ
ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ  และมีลูกสองคนคือแอ๊นและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ  แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน  แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้ง ระเบิด  ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบ ในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน  จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก  เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้า เสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด  พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรงมาลาเรีย  ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน  จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว  อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8  สวรรคตอย่างกระทันหัน  เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปดุจใบไม้แก่ที่ร่วงโรยหลุดลอยไปกับ สายน้ำในคลองบางหลวง  ผู้เขียนได้ขมวดปมตรงท้ายว่าสี่แผ่นดินนั้นช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน ชีวิตพลอยได้ผ่านสิ่งต่างๆ  มานานานัปการและมากพอแล้วที่จะลาจากโลกนี้ไปเพราะเครื่องยึดเหนี่ยวจิ ดใจคือองค์พระมหากษัตริย์ได้สิ้นพระชนม์ไปอย่างกระทันหัน
Disc 1
Disc 2
Disc 3
Disc 4
Disc 5
Disc 6
Disc 7
Disc 8
Disc 9 END
 
 
 
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น